DESKTOP

By:

TABLET

By:

MOBILE

By:
Logo-MegaWeCare

โภชนาการจากพืชและการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตสามารถทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้นได้

02 พฤศจิกายน 2022

404

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องวิธีการป้องกันและพลิกผันโรคเรื้อรังผ่านโภชนาการจากพืชและการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เมื่อไม่นานมานี้ สำนักพิมพ์อีลีทพลัสได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณหมอที่ศูนย์สุขภาพเวลเนสวีแคร์  อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เพื่อพูดคุยแนวคิดเรื่อง “สุขภาพดีด้วยตัวคุณเอง” ตลอดจน “Asian Plant-based Nutrition Healthcare Conference” งานสัมมนา Plant-Based ระดับเอเชีย ที่คุณหมอจะได้เป็นหนึ่งในผู้บรรยายอีกด้วย

หลังจากได้ลิ้มลองรสชาติของขนมจีนน้ำยาวีแกนที่ผลิตผ่านกระบวนการธรรมชาติและทำมาจากการหมักของข้าวซึ่งกินกับน้ำยาเคียงคู่กับผักและถั่วงอกภายใต้เงาของต้นจามจุรียักษ์ พวกเราจึงได้เริ่มสัมภาษณ์ นพ.สันต์ ว่ากว่าจะมีทุกวันนี้ได้ท่านผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง

“ผมเกิดในครอบครัวเกษตรกรเกี่ยวกับการทำนาข้าว ทางภาคเหนือของประเทศไทยและอยากจะสานต่อสิ่งที่ครอบครัวได้ทำไว้จึงเข้าเรียนปริญญาตรีสาขาเกษตรกรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่แล้ววันหนึ่งน้องสาวผมได้มีอาการป่วย ผมจึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางเพื่อมาเป็นแพทย์ หลังสำเร็จการศึกษาคณะแพทย์ศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ ผมก็วางแผนที่จะทำงานทั่วไปในโรงพยาบาลที่พื้นที่ห่างไกลออกไปในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี วันหนึ่งผมได้รับมอบหมายให้ดูแลศัลย์แพทย์หัวใจคนสำคัญที่เดินทางมาจากประเทศนิวซีแลนด์ ผู้ที่มาประเทศไทยเพื่อมาบรรยายในการประชุมระดับนานาชาติ และด้วยความประทับใจนั้นผมจึงตัดสินใจเดินทางไปเมืองโอ๊คแลนด์ประเทศนิวซีแลนด์ที่โรงพยาบาลกรีนแลนด์เพื่อศึกษาต่อทางด้านหัวใจ ในเวลาต่อมาผมได้เดินทางกลับมาประเทศไทยและเริ่มต้นรักษาผู้ป่วยที่โรง พยาบาลสระบุรี ก่อนที่ในปี ค.ศ.1993 จะย้ายไปกรุงเทพมหานครและเป็นทีม แพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถี จากนั้นผมก็ย้ายไปโรงพยาบาลพญาไท 2 และใน ปี ค.ศ.1999 ผมได้รับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์หัวใจ หลังจากนั้นไม่นานใน ปี ค.ศ.2002 ผมก็ได้ดำรงตำแหน่งเป็น กรรมการบริหารของโรงพยายาบาล เนื่องจากผมไม่ต้องการที่จะเป็นศัลย์แพทย์หัวใจแล้ว”

ผมเข้าใจว่าช่วงนี้แหละที่คุณหมอป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดแล้วตัดสินใจเลิกอาชีพเดิมและเปลี่ยนชีวิตเสีย ใหม่ คุณหมอช่วยอธิบายตรงนี้หน่อยครับ

“ผมเริ่มที่จะมีอาการเจ็บตรงหน้าอกในเวลาที่ออกแรงหรือเวลาเคร่งเครียดในการทำงาน  ซึ่งมันเป็นสัญญาณของโรคหัวใจขาดเลือด ในฐานะของศัลย์แพทย์หัวใจผมมีความรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ตอนนั้นผมอายุได้ 55 ปีและยังอยากใช้ชีวิตให้ยืนยาว ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดใดๆไม่ว่าจะเป็นผ่าตัดบายพาสหรือทำบอลลูนก็ตาม”

“ผมก็เลยเริ่มศึกษาหาข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์ในวิธีรักษาโดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดใหญ่ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับ “การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตอย่างสิ้นเชิง” หรือ ทีแอลเอ็ม        ผมได้พบการวิจัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะงานวิจัยของ ดีน ออร์นิช ซึ่งได้ทำวิจัยแบ่งกลุ่มการเปรียบเทียบ แล้วใช้การตรวจสวนหัวใจซ้ำหลายๆครั้ง เป็นตัวชี้วัด คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์นั้นค่อนมาชัดเจนแน่นอน ดังนั้นผมจึงลาออกจากตำแหน่งบริหาร เปลี่ยนวิธีการกิน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและจัดการกับความเครียด และแล้วก็ได้ผล 15 ปีผ่านมา ผมยังมีชีวิตอยู่และไม่จำเป็นต้องกินยาลดความดันโลหิตหรือยาลดไขมันเหมือนที่ผมเคยกินเป็นประจำเหมือนในตอนที่ผมถูกวินิจฉัยครั้งแรก”

คุณหมอช่วยบอกพวกเราหน่อยได้ไหมครับว่าใน 15 ปีที่ผ่านมาคุณหมอทำอะไรบ้าง

“ผมเป็นแพทย์ที่ปรึกษาที่ศูนย์ตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลพญาไท2แต่ตอนนี้ผมเริ่มเข้าไปแค่หนึ่งถึงสองครั้งต่อเดือนและให้ความสำคัญกับการสอนวิธีป้องกันโรคเรื้อรังด้วยตัวเองให้แก่ผู้ป่วยใน5ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่ผมได้พบกับคุณวิเวกดาวันผู้ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์เวลเนสวีแคร์ ผมได้เริ่มชักชวนผู้คนไม่ว่าจะมีอาการป่วยหรือไม่ ให้มาที่นี่ทั้งในรูปแบบเดี่ยวและกลุ่มเพื่อที่จะใช้เวลาเรียนรู้ที่จะป้องกันและพลิกผันโรคร้ายที่ไม่ติดต่อเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และ โรคอ้วน”

“คุณวิเวกเขาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเมก้าไลฟ์ไซแอนซ์ ซึ่งมีบริษัทลูกอีกหลายบริษัทเช่นบริษัทเมก้าวีแคร์เป็นต้น ธุรกิจของเขาคือผลิตและจำหน่ายวิตามินกับอาหารเสริมและส่งออกไปถึง 30 ประเทศส่วนมากในแถบเอเชีย และตอนนี้ได้ผลิต ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารอาหารจากพืช เช่น Dr.Drink และ Natural We Care Baby Food ด้วย”

“ทั้งผมและคุณวิเวกมีความเชื่อว่าการดูแลสุขภาพของผู้คนเริ่มมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง สิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่การเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลการกินยาและการผ่าตัด ผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าการรักษาแบบเดิมๆจะไม่สามารถรักษาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังได้ วิธีที่ถูกต้องคือการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตอย่างสิ้นเชิงในรูปแบบของตนเอง”

“วิธีการนั้นค่อนข้างง่ายและตรงไปตรงมาครับโดยให้ความสำคัญกับสามด้าน ได้แก่การกินอาหารจากพืชเป็นหลัก การออกกำลังกายและการจัดการความเครียด พวกเราค้นคว้าแล้วว่ามี 7จุดสำคัญที่คนควรดูแลเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงซึ่งเรียกว่าเรื่องง่ายๆว่าเจ็ดอย่างเพื่อสุขภาพที่ดีหรือ ซิมเปิ้ลเซเว่น ซึ่งประกอบไปด้วย (1) น้ำหนักตัว (2) ความดันโลหิต (3) น้ำตาลในเลือด (4) ไขมันในเลือด (5)ปริมาณการบริโภคผักและผลไม้ต่อหนึ่งวัน (6)เวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายต่อสัปดาห์ (7) การไม่สูบบุหรี่”

“สิ่งที่ทุกๆคนต้องทำคือรักษาดัชนีสำคัญทั้งเจ็ดนี้ไว้ในเกณฑ์ปกติเพียงเท่านี้เลยครับ สิ่งนี้จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจาก 30 ได้ถึง 91%เลยทีเดียว ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำให้อัตราการเสียชีวิตลดน้อยลงได้ค่อนข้างมาก พวกเราควรเปลี่ยนจากการรักษาในโรงพยาบาลมาเป็นการป้องกันและพลิกผันโรคด้วยตนเอง เหมือนที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้นครับ”

และนี่คือสิ่งที่ทำให้คุณหมอมาทำอยู่ที่ศูนย์เวลเนสวีแคร์ใช่ไหมครับ

“ใช่แล้วครับ เมื่อห้าปีที่แล้วคุณวิเวกได้เข้ามาปรึกษาผมที่คลินิกเพราะว่าคุณวิเวกเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงด้านการรักษาสุขภาพกับสิ่งที่ผมรณรงค์ค่อนข้างสำคัญ หลังจากที่พวกเราได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง พวกเราจึงตัดสินใจทำธุรกิจเพื่อสังคมแบบไม่แสวงหากำไรซึ่งก็คือศูนย์เวลเนสวีแคร์ ตั้งแต่ตอนนั้นพวกเราก็ขยายกิจกรรมภายใต้สโลแกนที่ว่า “ป้องกันและพลิกผันโรคด้วยตัวคุณเอง” พวกเราได้สนับสนุนการรับประทานอาหารจากพืชเป็นหลักในรูปแบบใกล้เคียงธรรมชาติ และ อบรมผู้ป่วย คนธรรมดา และผู้ให้บริการด้านสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ”

โปรแกรมที่เปิดอบรมมีอะไรบ้างหรอครับ ?

“โปรแกรมของพวกเราเริ่มต้นจากการพลิกผันโรคด้วยตัวคุณเอง ซึ่งใช้เวลาเป็นปี และออกแบบมาให้ผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยจำเป็นต้องมาที่ศูนย์สองรอบ อย่างไรก็ตามพวกเรายังคงติดต่ออย่างใกล้ชิดกับแต่ละบุคคล ติดตามความคืบหน้าและให้คำปรึกษาเมื่อผู้ป่วยต้องการ โปรแกรมเริ่มจากการพบปะกับหนึ่งในแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา หลังจากนั้นเราก็จะสอนวิธีการทำอาหารโดยใช้โปรตีนจากพืช การสอนวิธีทำสมาธิ โยคะ และ ไทชิ รวมถึง 7 ดัชนีสำคัญที่คนควรดูแลตนเองเพื่อให้สุขภาพแข็งแรง อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้นครับ และสุดท้ายคือการติดตามอาการของตัวเอง”

“พวกเราเปิดแค้มป์ที่ผู้คนสามารถเข้าร่วมได้ด้วยครับ รวมไปถึงการจัดแค้มป์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง แค้มป์ฟื้นฟูสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บสาหัส เช่นโรคหลอดเลือดสมองหรือผู้ที่ผ่านการผ่าตัดใหญ่มาพวกเขาสามารถมาเป็นสัปดาห์หรือหลักเดือนเพื่อพักฟื้นและแค้มป์ที่ได้รับความนิยมที่สุดและใช้ระยะเวลาสี่วันก็คือการรีทรีททางจิตวิญญาณ ที่ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีการมองลึกเข้าไปภายในโดยการใช้บทการสนทนาและเทคนิคการทำสมาธิ ตามมาด้วยการฝึกวิธีต่างๆเพื่อให้มีสติมากขึ้นโดยใช้โยคะและไทชิ ในวันสุดท้ายผู้เข้าร่วมจะได้รับการเรียนรู้ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขการปลดเปลื้องและการตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณ พวกเรายังมีโปรแกรมหนึ่งและสองวันในการบำบัดด้วยการใช้สติและการดูแลสุขภาพให้ที่ดีด้วยตัวคุณเอง”

“หลังจากปีใหม่ เรามีแผนที่จะรับปรึกษาผ่านช่องทางออนไลน์แบบตัวต่อตัวให้แก่ผู้ป่วยว่าควรดูแลตัวเองยังไง ซึ่งคือการพลิกผันและป้องกันโรคร้าย ทุกอย่างที่นำเสนอไปจะอยู่ภายใต้การนำทางโดยการแพทย์แผนปัจจุบันและต้องอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์”

เท่าที่ผมเข้าใจ คุณหมอเพิ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2022” โดย มูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) เนื่องจากการมีส่วนร่วมในการรณรงค์วิธีการดูแลสุขภาพทางเลือก และทำกิจกรรมมากมายที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับผู้คน กิจกรรมเหล่านี้มีอะไรบ้างครับ?

“ที่ผ่านมาผมได้ผลิตหลากหลายวิดีโอเพื่อส่งเสริมและสอนการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต และ โภชนาการจากอาหารจากพืชเป็นหลัก ผมยังเขียนบทความสำหรับคนที่สนใจก็สามารถเข้ามาปรึกษาผมเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ได้ ซึ่งมีผู้คนเข้าไปเยี่ยมชมมากถึง 10 ล้านครั้ง ในขณะเดียวกันผมก็เป็นประธานคณะกรรมการมาตรฐานการช่วยชีวิต สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์  เราจัดทำหลักสูตรสอนวิธีการ ซีพีอาร์ ซึ่งคือการช่วยฟื้นคืนชีพหัวใจ   สำหรับโรงพยาบาลและองค์กรอื่นๆเพื่อให้แน่ใจว่าบริการทางการแพทย์ของประเทศไทยเป็นไปตามมาตรฐานสากล อย่างที่สองคือ ผมได้ร่วมก่อตั้งและยังคงมีส่วนร่วมกับมูลนิธิเพื่อสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็กแห่งประเทศไทย ซึ่งดูแลและให้การผ่าตัดแก่เด็กที่ยากไร้ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด”

ผมได้ทราบมาว่าคุณจะเป็นหนึ่งในผู้บรรยายคนสำคัญในงานประชุมนานาชาติระดับเอเชีย “Asian Plant-based Nutrition Healthcare Conference” คุณหมอช่วยเล่าลายละเอียดให้ฟังหน่อยครับ

เวลเนสวีแคร์ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของเมก้าวีแคร์จะเป็นเจ้าภาพงานประชุมหนึ่งวันร่วมกับ The Plantician Project สหรัฐอเมริกาในวันเสาร์ที่ 22 มกราคม ค.ศ.2022 ในตอนแรกเราหวังว่าจะจัดงานนี้ในโรงแรมสักแห่งหนึ่งที่กรุงเทพ แต่เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เราจึงจำเป็นต้องย้ายกิจกรรมทั้งหมดไปเป็นรูปแบบออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ลงทะเบียน สามารถเข้าชมคลิปวีดีโอการประชุมได้ตามความต้องการตลอดทั้งปีจนถึงวันที่ 31ธันวาคม ซึ่งปีหน้าเราหวังว่าโรคระบาดจะบรรเทาลงหรือมีมาตรการป้องกันและควบคุมการระบาดของไวรัสที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อให้เราสามารถเชิญผู้เข้าร่วมทั้งหมดมาเข้าร่วมงานกับเราที่กรุงเทพมหานครได้

ThePlantician Project ได้จัดการประชุมด้านการดูแลสุขภาพด้านโภชนาการจากอาหารพืชเป็นหลัก มาเป็นเวลาเก้าปีแล้ว ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สิบด้วยการส่งเสริมทางเลือกในการป้องกันและพลิกผันโรคด้วยการรับประทานอาหารจากพืชเป็นหลัก ผู้ปฏิบัติงานทางการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและยุโรปตระหนักดีถึงรูปแบบการรักษาที่ประสบความสำเร็จอย่างมากเช่นนี้ คุณวิเวกและผมเชื่อว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องให้ความรู้แก่แพทย์พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขเกี่ยวกับการรักษาทางเลือกนี้กับชาวเอเชีย ซึ่งมีงานวิจัยรองรับสำหรับการดูแลสุขภาพที่ไม่ต้องเสี่ยง

“หลายปีก่อน ผมได้อ่านหนังสือขายดีที่มีชื่อว่า เดอะไชน่าสตัดดี เขียนโดย ศ.ดร. ที. คอลิน แคมป์เบลล์ และ ลูกชายของเขา นพ.โทมัส เอ็ม แคมป์เบลล์ ซึ่งมาจากผลการศึกษา 20 ปีที่ทดสอบความเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์จากสัตว์กับโรคเรื้อรัง พวกเขาสรุปว่าการรับประทานอาหารมังสวิรัติและหลีกเลี่ยงที่จะบริโภคสารอาหารจากสัตว์สามารถลดหรือ พลิกผันการพัฒนาของโรคต่างๆได้ ผมจึงตัดสินใจทำตามคำแนะนำของพวกเขาและได้ผลในที่สุด”

“ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือขายดีอีกเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า เดอะ บลู โซน โดย แดน เบตต์เนอร์ ซึ่งเขาได้บันทึกข้อมูลของห้าชุมชนที่ผู้คนอาศัยอยู่ยืนยาวที่สุด และคนในชุมชนส่วนใหญ่ล้วนเป็นมังสวิรัติ เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ ทุกวันนี้ผมคิดว่ามีชุมชนมากถึง 24 แห่งในสหรัฐอเมริกาที่มีวิถีชีวิตคล้ายคลึงกัน ซึ่งรวมไปถึงการกินอาหารที่ดี อากาศบริสุทธิ์ การออกกำลังกาย การผ่อนคลายที่ดี และ การจัดการกับความเครียด”

“นี่คือสิ่งที่คุณวิเวกและผมต้องการที่จะส่งเสริมด้วย The Plantician Project พวกเรารวบรวมบุคคลที่มีชื่อเสียงถึงหกท่านเพื่อมาบรรยายในงานประชุมครั้งนี้ โดยเริ่มต้นที่คุณหมอ สก๊อต สโตว ผู้ร่วมก่อตั้ง The Plantician Project มาเป็นผู้ร่วมบรรยายถึงสองช่วง นอกจากนี้ ยังมีผู้บรรยายคนสำคัญบรรยายเกี่ยวกับโภชนาการจากพืชเป็นหลักมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับความเชี่ยวชาญของพวกเขา ซึ่งรวมถึง พญ.เรชามา ชาห์ ซึ่งเป็นกุมารแพทย์ ดร.ดีน ออร์นิช คือนักวิจัยด้านหัวใจและมะเร็ง นพ.ดีนและพญ.อาเยสชา เชอร์ไซ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสมอง ดร.ไซรัส แคมแบตตา ผู้ซึ่งจบปริญญาเอกซึ่งถนัดเรื่องโรคเบาหวาน นพ.อาลัน เดสมอนด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพลำไส้  และนพ.คิม วิลเลียมอดีตประธานของวิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา”

เท่าที่ผมเข้าใจคุณหมอจะเป็นหนึ่งในผู้บรรยายหลักใช่ไหมครับ

“ใช่แล้วครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและค่อนข้างเกรงใจที่จะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บรรยายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ผมจะพูดเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันและโภชนาการจากอาหารพืชเป็นหลัก ซึ่งผมได้ศึกษาเรื่องนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วครับ”

นอกจากบทความมากมายที่คุณหมอได้เขียน คุณหมอยังมีหนังสือที่ถูกตีพิมพ์อีกด้วย คุณช่วยเล่าให้เราฟังได้ไหมครับ

“ความจริงมันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะครับ หนังสือมีชื่อว่า สุขภาพดีด้วยตัวคุณเอง ซึ่งส่งเสริมสิ่งที่เราสอนส่วนใหญ่ในโปรแกรมสุขภาพดีด้วยตัวคุณเอง ในหนังสือมีรายละเอียดค่อนข้างมาก และผมเชื่อว่าทุกคนที่อ่านจะเข้าใจและสามารถปรับเปลี่ยนการกินอาหารและการใช้ชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีความสุขมากขึ้นได้ครับ”

สุดท้ายนี้ คุณหมอมีคำแนะนำที่คุณต้องการฝากไว้ให้กับผู้อ่านของเราหรือไม่ครับ?

“ผมที่อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งว่าเราทุกคนควรที่จะเปลี่ยนความคิดของเรา ซึ่งผมหมายถึงผู้ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพและผู้ให้บริการ ไปจนผู้ป่วยและคนทั่วไป การรักษาแบบทั่วไป และ การรักษาในโรงพยาบาลได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ผล เราทุกคนจำเป็นต้องมองไปในทิศทางใหม่ และมุ่งเน้นไปที่การจัดการตนเองและการปรับเปลี่ยนการชีวิตแบบองค์รวม ซึ่งรวมถึงการรับประทานอาหารแบบพืชเป็นหลัก ตอนนี้เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้นในประเทศไทย และพวกเราจำเป็นที่ต้องชักชวนผู้คนให้สร้างความเปลี่ยนแปลง ในขณะที่คนอื่นๆเห็นว่าสิ่งนี้กำลังเกิดขึ้น พวกเขาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนอย่างชุมชนอย่าง เดอะ บลู โซน (สถานที่ที่มีผู้คนที่มีอายุยืนยาว สุขภาพดีกว่าเมืองอื่นๆบนโลก) จะปรากฏขึ้น หลังจากนั้นก็จะสามารถขยายขอบเขตไปสู่จังหวัดและถึงระดับประเทศ และถ้าหากวิวัฒนาการนี้เกิดขึ้นทั่วโลก ประชากรของโลกจะมีสุขภาพที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และมีอายุที่ยืนยาวขึ้นได้ครับ”

For more information

facebook : Wellnesswecare
line : @wellnesswecare
instagram : wellnesswecareth
tel : 063-6394003