นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจ ที่ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อเกิดเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเมื่ออายุ 55 ปี และมีอาการเจ็บหน้าอกระหว่างออกแรงหรือขณะเครียด ความกลัวตายทำให้เขาปฏิเสธการรักษามาตรฐาน ทั้งการทำ Balloon Angioplasty หรือการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจบายพาส (CABG-Coronary Artery Bypass Grafting) เขาได้ค้นพบงานวิจัย 2 ชิ้น คือ
1. งานวิจัยที่ทำโดย Dr. Essie ศัลยแพทย์ที่คลิฟแลนด์คลินิก หนึ่งในโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกสำหรับการรักษาโรคหัวใจ ได้ทำการวิจัยผู้ป่วย 24 รายที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ด้วยการทดสอบด้วยอาหารมังสวิรัติที่มีไขมันต่ำ และติดตามผลเป็นเวลา 12 ปี โดยมีหลักฐานว่าผลลัพธ์ของผู้ป่วยกลุ่มนี้ดีขึ้นอย่างมาก คือภาพการสวนหัวใจ (Cardiac Catheterization) ในผู้ป่วย 24 รายนี้ เห็นว่าหลอดเลือดที่เคยตีบตันไม่ตีบแล้ว เมื่อตรวจ PET scan ซ้ำ ผลตรวจแสดงให้เห็นว่าส่วนที่เชื่อกันว่าตายไปก่อนหน้านี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เลือดสามารถเข้าไปได้ โดยจะเห็นเป็นสีแดง และกล้ามเนื้อส่วนนี้ก็สามารถหดตัวได้ตามปกติอีกครั้ง อาการหัวใจล้มเหลวก็หายไป
2. งานวิจัยที่ทำโดย Dr. Dean Ornish ที่มีการรวบรวมคนเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมาเกือบร้อยคน สุ่มแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งใช้ชีวิตอย่างปกติสุข อีกกลุ่มหนึ่งที่เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตโดยสิ้นเชิงใน 4 ด้าน ได้แก่
(1) เปลี่ยนอาหารเป็นอาหารพืชเป็นหลักไขมันต่ำ (plant-based, whole food, low fat diet)
(2) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
(3) จัดการกับความเครียดด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น โยคะ การทำสมาธิ หรือไท่เก๊ก
(4) เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนเพื่อนเป็นประจำ (a peer support group)
หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ทุกคนก็กลับมาตรวจสวนหัวใจอีกครั้ง พบว่ากลุ่มที่เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตโดยสิ้นเชิงหลอดเลือดหัวใจตีบเปิดกว้างขึ้น อัตราการเจ็บหน้าอกลดลง 91% ในขณะที่ในกลุ่มที่ดำเนินชีวิตตามแบบแผน หลอดเลือดที่ตีบแคบลงก็ยิ่งแคบลง อัตราการเจ็บหน้าอกเพิ่มขึ้น 165%
นายแพทย์สันต์ จึงได้ใช้หลักฐานสองชิ้นนี้เพื่อนำทางตัวเอง โดยการเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารพืชเป็นหลักไขมันต่ำ (plant-based, whole food, low fat diet) และเริ่มออกกำลังกายเป็นประจำ ในเวลาไม่กี่เดือน ร่างกายของเขาก็ดีขึ้น เริ่มจากอาการเจ็บหน้าอกจากการเดินเร็วจนวิ่งเหยาะๆ ลดลงจนถึงหายเจ็บ สามารถเลิกใช้ยาลดความดันโลหิต และยาลดคอเลสเตอรอล ภายในเวลาไม่กี่เดือน รวมถึงผลความดันเลือดและคอเลสเตอรอลในเลือดของดีขึ้นกว่าตอนที่ใช้ยา จนไปถึงรูปร่างที่กระชับและดีขึ้น
ดังนั้นเมื่อเขาประสบความสำเร็จในการจัดการโรคเรื้อรังด้วยการเปลี่ยนอาหาร และเปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยอาหารและการออกกำลังกาย นายแพทย์สันต์ จึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนชีวิตการทำงาน เลิกผ่าตัดหัวใจ เข้ารับการอบรมเพิ่มเติมเพื่อเป็นแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว (Family Physician) จากนั้นจึงลาออกจากโรงพยาบาล ไปตั้งรกรากที่มวกเหล็ก และเปิด Wellness We care Center
ซึ่งเป็นความตั้งใจของ นายแพทย์สันต์ ใจยอดศิลป์ ที่ต้องการสอนผู้คนให้มีสุขภาพดีและพลิกผันโรคเรื้อรังด้วยตนเองโดยเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต รูปแบบการอบรม คือการจัดแค้มป์สุขภาพ เพื่อให้คนได้ใช้เวลาเพื่อฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเอง